บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด
ผู้ผลิตและจำหน่าย ข้าวตราไก่แจ้และข้าวตรากระเช้า
Call : 038-473-555, 086-367-7823
Email : kaijaerice.gp@gmail.com

ธีรินทร์” ซีอีโอดาวรุ่งเมืองชล รุกส่งออกข้าวถุง-ลงทุนอสังหาฯ

หากให้นึกถึงลูกไม้ใต้ต้นด้านธุรกิจการค้าที่ฉายแววเปล่งประกายในเมืองชลเวลานี้ ชื่อของ “กอล์ฟ-ธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล” นักธุรกิจหนุ่มวัย 38 ปี ต้องติดโผอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยวิสัยทัศน์ และผลงาน ผลักดันให้คุณกอล์ฟขึ้นนั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีอาร์ ไทยฟู้ดส์ จำกัด รับไม้ต่อจากคุณป๊า “สุนทร ธัญญวัฒนกุล” ผู้ก่อตั้งแบรนด์ข้าวไก่แจ้ ที่ปัจจุบันหันไปทุ่มเทเวลา 99.99% ให้กับงานส่วนรวมในตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี

ตั้งเป้าเพิ่มส่งออก ธีรินทร์ เล่าให้ “ประชาชาติธุรกิจ” ฟังว่า ธุรกิจข้าวตราไก่แจ้เริ่มจากคุณพ่อที่สร้างขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว จากขายเพียง 3 อำเภอ ปัจจุบันขยายไปทั่วประเทศ และส่งออก มีกำลังการผลิตจาก 3 โรงงาน รวม 3-4 หมื่นตัน/เดือน ทำรายได้กว่า 2 พันล้านบาท/ปี มีสัดส่วนจำหน่ายภายในประเทศและส่งออก คือ 70:30 โดยตลาดในประเทศยังเป็นตลาดหลักที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ปีนี้การเติบโตลูกค้าส่งออกค่อนข้างสูง เดิมมีเพียง 5% ตอนนี้เกือบ 20% ในอนาคตจะเร่งส่งออกให้มากขึ้น ส่วนแผนในอนาคตต้องดูไปอีก 3-4 ปี ค่อยประเมินอีกครั้งว่าจะขยายหรือไม่

สำหรับข้าวสารไก่แจ้มี 30-40 ชนิด ปัจจุบันมี 300 กว่า SKU ขนาดตั้งแต่ 1 กิโลกรัม ถึง 50 กิโลกรัม ส่งออกไปแอฟริกา ยุโรป อเมริกา แคนาดา เป็นหลัก ความโดดเด่นจะเน้นคุณภาพ เพราะการทำแบรนด์ถ้าไม่ดีมันไปไม่ได้ จึงต้องพยายามทำให้ลูกค้าเชื่อใจเรื่องคุณภาพ มั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่หุงต้องเหมือนเดิม พูดเหมือนง่าย แต่ทำยาก เพราะสินค้าเกษตรการรักษามาตรฐาน ต้องตลอดชีวิตของแบรนด์

ธีรินทร์เล่าถึงเส้นทางธุรกิจต่อว่า หลังข้าวสารแบรนด์ไก่แจ้ติดตลาด จึงได้คิดต่อยอดเพิ่มมูลค่าสินค้าที่มี ไม่ว่าจะเป็นข้าว หรือข้าวเหนียว ซึ่งเป็นที่มาของข้าวต้มมัด แต่ด้วยตนเองไม่มีโนว์ฮาวเรื่องนวัตกรรมอาหาร จึงใช้เวลาถึง 2 ปีในการค้นคว้าวิจัย ลองผิดลองถูกจนออกมาเป็นข้าวต้มมัดภายใต้แบรนด์แม่นภา บริษัท ทีอาร์ ไทยฟู้ดส์ จำกัด

ปัจจุบันข้าวต้มมัดแม่นภาส่งเข้าโมเดิร์นเทรด และจับกลุ่มออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มที่เล่นกีฬา เช่น วิ่ง หรือปั่นจักรยาน ข้าวต้มมัดจึงสะดวกแก่การพกพา แล้วให้พลังงานสูง นอกจากตลาดในประเทศ ยังส่งออกอีก 20 กว่าประเทศ ทั้งยุโรป อเมริกา จีน อิสราเอล เกาหลี จากนั้นแตกไลน์มาเป็นสแน็กอีก 6 ผลิตภัณฑ์ ที่ทำจากผลผลิตในพื้นที่ อาทิ มันฝรั่ง มันม่วง ฟักทอง เผือก เป็นต้น ปัจจุบันกลายเป็นยอดขายหลักของบริษัท เติบโตช่วงแรกประมาณ 30-40% รายได้ปัจจุบันประมาณ 100 ล้านบาท/ปี นอกจากนี้ยังแตกไลน์ผลิตข้าวพร้อมกิน ส่งลูกค้าที่อเมริกา ซึ่งเป็นบริษัททำปลาแซลมอนพร้อมกิน ซึ่งต้องการข้าวจากเราเพี่อแมตซ์กับแซลมอนของเขา

จากประสบการณ์ลองผิดลองถูกที่พบว่าเป็นเรื่องเสียเวลาอย่างมาก ทำให้นักธุรกิจหนุ่มที่หมวกอีกใบ คือ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดชลบุรี ได้เสนอแนวคิดสร้าง “อินโนเวชั่นฮับ” จังหวัดชลบุรีขึ้นมา โดยล่าสุด หอการค้าจังหวัดชลบุรี และวายอีซีได้เซ็นต์ MOU กับ มหาวิทยาลัยบูรพาในการวิจัยผลิตภัณฑ์เพื่อออกสู่โลกความจริงเป็นธุรกิจได้ ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นการจับมือกันที่ชัดเจนมากขึ้น

“ถ้าเริ่มขับเคลื่อนได้เมื่อไร มองว่ามีอะไรอีกหลายอย่างตามมา เพราะมหาวิทยาลัยมีโนว์ฮาว มีความรู้ มีผลงานวิจัย ขณะที่หอการค้ามีความรู้เกี่ยวกับตลาด เทรนด์ และเมื่อ 2 สิ่งนี้มาแมตช์กัน ทุกอย่างจะต่อยอดไปได้ และผมก็มองว่าถ้าจังหวัดชลบุรีมีอินโนเวชั่นฮับขึ้นมา เหมือนวันสต็อปเซอร์วิส สำหรับผู้ประกอบการที่จะพัฒนาสินค้า แล้วมีคนมาช่วยไกด์ ช่วยคิด มีโนว์ฮาวมาสนับสนุน น่าจะพัฒนาต่อยอดเศรษฐกิจของจังหวัด ของประเทศได้เยอะมาก ยกตัวอย่าง เมื่อก่อนผมขายข้าวได้กิโลกรัมละ 10 บาท แต่พอทำข้าวต้มมัด ใช้ข้าวนิดเดียวเพิ่มมูลค่ามหาศาล แล้วถ้าทำแบบนี้ได้ทุกสินค้า ผมมองว่าศักยภาพของเศรษฐกิจก็จะเติบโตขึ้นโดยปริยาย”

จับธุรกิจอสังหาฯด้วยใจรัก นอกจากธุรกิจหลักอย่างข้าวไก่แจ้ วันนี้นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงยังมีพอร์ตอสังหาริมทรัพย์อยู่ในมือ เป็นโรงแรม 2 แห่ง คือ ราชา เรสสิเดนซ์ ที่ศรีราชา ขนาด 104 ห้อง และ ธาริส อาร์ท โฮเทล (Taris art hotel Phrae) ที่จังหวัดแพร่ ขนาด 105 ห้อง และ อพาร์ตเมนต์ให้เช่าอีก 2 แห่ง ที่นิคมอมตะ และอีสเทิร์นซีบอร์ด รวมแล้วรายได้ 100 กว่าล้านบาท/ปี

“ตั้งแต่เด็ก เวลาไปพักที่ไหน รู้สึกว่าคนมีโรงแรม มีตึก รู้สึกว่าเขารวย เจ๋ง ผมคิดแค่นี้ พอโตขึ้นก็ชอบเรื่องที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่ได้ชอบขายนะ แต่ชอบทำตามใจ คือ ทำเป็นความรักส่วนตัว แฟนผมก็ชอบแต่งบ้าน มีแพสชั่น แต่มองว่าทำก็ได้ ตอนนี้เวลาไปเที่ยวพักโรงแรม จะเปลี่ยนที่นอนทุกวัน ทดลองอยู่ตั้งแต่โรงแรมถูกๆถึงแพงมากๆ เพราะอยากรู้ว่าถูกๆ ถูกและดีทำอย่างไร แพงเว่อร์ๆ ทำยังไงให้ขายได้”

สำหรับ “ราชา เรสิเดนซ์ ศรีราชา” เป็นอสังหาฯ ให้บริการแบบเช่า ทั้งรายเดือน และรายวัน ที่มา คือ คุณกอล์ฟได้เทกโอเวอร์และนำมารีโนเวต โดยใช้เวลา 2 ปี ปัจจุบันมีลูกค้า 70-80% เป็นชาวญี่ปุ่น และล่าสุดกับการเทกโอเวอร์โรงแรมเก่าแก่ อายุ 40 ปี ที่จังหวัดแพร่มารีโนเวตด้วยงบประมาณ 100 กว่าล้านบาท แปลงโฉมจากโรงแรมเซลคืนละ 100 บาท ปัจจุบันเป็นโรงแรมสมัยใหม่แห่งเดียวของจังหวัดแพร่ ในราคาห้องละ 800-900 บาท กลุ่มลูกค้าที่แพร่จะเป็นกลุ่มประชุมสัมมนา ทั้งบริษัท และภาครัฐ นอกจากนี้ยังตอบโจทย์นักท่องเที่ยว และนักกีฬาที่มาจัดกิจกรรม หรือกลุ่มทัวร์ ซึ่งคุณกอล์ฟเผยว่า เตรียมสร้างให้เป็นเชนแล้วขยายไปเรื่อยๆ ตามจังหวัดต่างๆที่สนใจ โดยเฉพาะที่ติดทะเลที่วาดฝันไว้

“ผมไม่เคยไปแพร่เลย พอเพื่อนมาแนะนำให้เทกโอเวอร์โรงแรม ผมก็ไปอยู่ 1 คืน 2 วัน ไปกินใช้อยู่ที่นั่น โลเกชั่นอยู่ใจกลางเมือง รู้สึกว่าอาหารการกินอร่อย และเป้นเมืองน่ารัก ไปไหน 5 นาทีถึง แต่ที่รถไม่ติดในอีกแง่ก็อาจแปลว่าไม่มีคน ยังคิดว่าจะลงทุนดีไหม สุดท้ายมองว่าอาจเป็นโอกาส เพราะการแข่งขันน้อย ผมก็มีสิทธิเป็นเบอร์หนึ่ง และตอนนี้แพร่เป็น 12 เมืองต้องห้ามพลัส ได้รับการโปรโมตเยอะ เริ่มมีมาทำร้านกาแฟเยอะขึ้น เป็นเมืองชิกๆ มากขึ้น มีร้านอาหารดีๆให้นั่ง มองเห็นว่าน่าจะมีศักยภาพระดับหนึ่ง และราคาก็ไม่ได้แพงมาก หลักสิบล้าน ซึ่งหลักนี้ซื้ออะไรไม่ได้เลยในชลบุรี”

ด้วยวิสัยทัศน์บวกกับแพสชั่นที่เต็มเปี่ยม จึงไม่แปลกที่ชื่อของ “ธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล” จะโดดเด่นฉายแวว และเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่น่าจับตาไม่ร้อย

COPYRIGHT © 2016 KAIJAERICE. ALL RIGHTS RESERVED.